|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Neogigxy เมื่อ 2023-4-18 00:40
ขอแชร์ประสบการณ์ขลิบที่คลีนิคหมอเบียร์
Phase1
หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นานร่วมปี เลยตัดสินใจขลิบ สาเหตุที่ขลิบก็เหมือนกับหลายๆคนครับ คือมีข้อบ่งชี้ต่างๆ เช่น ปลายแตก รูดลงเจ็บ ฉี่แล้วเหมือน ปัสวะไม่สุด ยังมีฉี่เหลือในหนังหุ้ม ข้อบ่งชี้ครบ (ทั้งหมดนี้ผมเข้าปรึกษาคุณหมอและหาข้อมูลก่อน) เลยตัดสินใจ นัดเข้าไปขลิบเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา
สาเหตุที่เหลือคลีนิคนี้ เพราะจริงๆรู้จักหมอเบียรมาเปนปีแล้วครับ “ประโยคสำคัญที่ผมตัดสินใจที่นี่นอกจากชื่อเสียงของคลีนิคนี้แล้วคือ คำพูดของหมอที่ว่า “ ผมขลิบจู๋มาเป็น พันๆอันแล้ว เด๋วผมจะขลิบให้สวยๆเลยครับ”
แต่ด้วยจังหวะเลยอะไรเอย ตืดโควิด ติดงาน ไม่ได้ไปซะทีจนเลิกงามยามดี เลยนัดเข้าไป
หลังจากเข้าตรวจก็พบว่ามีปัญหาเส้น สองสลึง รั้งด้วย อักเสบอีกต่างหาก เลยมีค่าตัดเส้นเพิ่มอีก 4,000 บาท (รวมขลิบ ผมเลือกขลิบแบบ ไทเทเนียม เอาดีสุดเลย 16,900 ) รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 20,900 แพงไหม ผมว่าราคาตลาดครับ อาจจะสูง แต่แลกมาด้วย Service และความสบายใจ เด๋วจะเล่าให้ฟังเรื่อยๆครับว่าประทับใจอะไรแบบ สำหรับผมแล้ว คุ้มมากคุ้มจนไม่รู้คุ้มยังไง
เริ่มตั้งแต่นัดตรวจ ฉีดยาชาเลยแล้วกัน หลังจากเข้าตรวจคอนเฟิร์มกับหมอเบียร์เรียบร้อย ตอนทำคุณหมอให้ คุณหมออีกท่านเปนคนจัดการรับเคสผม ยอมรับว่าตอนแรกก็ตุ้มๆต่อมๆ แต่คุณหมอ ดีมากๆ ตอนฉีดรู้ว่าเราตื่นเต้นและกลัวเจ็บ คุณหมอพูดเลยว่า
“เจ็บสุดตอนฉีดยาชานี่แหละ…หลังจากนี่ก็ไม่เจ็บแล้ว”
ผมฉีดยาชาไป 3 เข็ม ครับ คุณหมอดีมากๆ ฉีดยาช้าๆ ค่อยๆฉีด ตามตลอด เจ็บไหม เราเกรงไหม สะดุ้งรึเปล่า พอเสร็จคุณหมอก็บอกให้ผมไปนั่งรอยาชาออกฤทธิ์ หมอบอกว่า
“รอยาออกฤทธิ์นานหน่อย ตัวใหญ่ด้วย รอซัก ชม.นะ “
แล้วคุณหมอก็ให้ผมไปนั่งรอนอนรอ ผมเลยไปนั่งเก้าอี้นวด ดีมากๆโคตรสบาย นั่งไปหลับไป เป็นชม. แล้ว คุณหมอเข้ามาตามเข้าห้องเชือด…เอย ..ห้องผ่าตัด……
เข้าห้องไปปุ๊บ จำได้เลย เขินมาก!!!! ทุกคนในห้องยกเว้นคุณหมอ เปน ผู้หญิงทั้งหมด
“ถอดกางเกงเลยวางใว้ตรงเก้าอี้เลยค่ะ…!!” อุต๊ะ เขินนะนิ
แล้วคุณหมอก็ให้ขึ้นเตียง นอน ให้เอามือถือใว้ หมอบอกนอนเล่นมือถือได้เลย แปปเดียวเสร็จ แต่ขอผมเช็คนิดนึง แล้วคุณหมอก็เช็คว่า ยาชาออกฤทธิ์ดีไหม ไม่รู้เอาอะไรจิ้มๆ ถามว่า
“รู้สึกไหม…???” ผมนี่คือไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วคุณหมอก็สะกิตใต้เส้นสองสลึงปรากฎ รู้สึกนิดๆ คุณหมอก็นวดๆให้ยามันวิ่ง ปรากฎว่าสรุปเคลียร์ไม่รู้สึกอะไร
แล้วคุณหมอก็บอกว่า “ เจ็บนิดนึงนะ…..” แต่ผมไม่เจ็บเลย นอนไปเรื่อยๆ เล่นโทรศัพท์ ไป เหนแต่ควันลอยขึ้นมา กลิ่นไหม้ๆและ เสียงตอนคุณหมอกรีดเส้น สองสลึง หลังจากทำเสร็จ คุณหมอก็ แจ้งว่า หมอจะขลิบแล้วนะ แล้วคุณหมอก็ชวนคุย คุยเรื่องขลิบนี่แหละใครมาให้ขลิบ…บลา บลา บลา คุยไป แปป เดียว คุณหมอก็บอก
“ อ้าว ขลิบเสร็จแล้ว!!!!” เฮ้ย 🤨🤨🤨
แล้วก็ให้ผู้ช่วยเข้ามาพันแผลให้ คุณหมอก็ พูดอธิบายว่า การดูแผลอย่างไร สั้งห้ามโดนน้ำเด็ดขาด และมาทำแผลครั้งแรกอีก 2-3 วัน ที่คลีนิค
ย่ำกับผมว่า …
“พันแผลให้แล้ว ให้กลับมาคลีนิคอีก 2 วัน ถ้าแน่นไปฉี่ไม่สะดวก ให้คลายผ้าสีแดง หรือ โคแบน ออกมาได้ ส่วนกลางคืน ให้พันกระชับหน่อย เผื่อตอนแข็งตัวตอนเช้า สำคัญคือแผลต้องแห้งนะ ยาชาอยู่ได้ 3-4 ชม. หลังจากนี้ รับยา กินยาตาม เค้าเตอร์แนะนำ สำคัญมากคือ ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ ยาลดบวม กินให้ครบตามหมอสั่ง หลังจากนี้กลับบ้านได้เลย งดออกกำลังกาย ยืนหรือนั่งเยอะๆ ไม่งั้นแผลจะบวม “
พร้อมให้ไลน์คลีนิค ให้ถ่ายรูปส่งและถ้ามีปัญหา หรือต้องการคำปรึกษาอะไรให้ทักไลน์หาได้เลย
สิริรวมการขลิบทั้งหมด 2 ชม. (รอยาชาและตรวจ ร่วม 1:30 ขลิบและตัดเส้นทั้งหมด ไม่เกิน 30 นาที )
Phase 2 การดูแลแผล
สัปดาห์ที่ 1
วันแรกของการดูแลแผลก็ เปนเรื่องเลยครับ เดินไปฉี่ ฉี่ไม่ออก แน่นมาก แถมพอคลายโคแบนออก ฉี่กระจุยกระจาย กระเด็น5 ทิศทาง โหดสึด กระเด็นมาโดนผ้าก็อตอีก!!!! สรุป วันแรก หลังจากออกจากคลีนิคมาไม่ถึง 30 นาที ผ้าก็อตชุ่มด้วยฉี่เลย ต้องรีบไปที่ร้านขายยา ซื้อ อุปกรณ์ทำแผลเลย (อุปกรณ์ และยา หารายละเอียดเรื่องการแผลใน youtube หรือถามคุณหมอเลยครับ)
ผมก็ต้องเปลี่ยนผ้าก็อตและพันผ้าใหม่เลย สรุปวันแรกไม่มีอะไร หลังจากยาขาหมดฤทธิ์ก็ปวด ตามปรกติ แต่กินยาดักใว้ ปัญหาสุดคือตอนเช้าเลย อือหือ ธรรมชาติผู้ชาย ขยายตัวตอนเช้า
เทคนิคของผมลุกขึ้นมาเดินเลยครับ ลุกขึ้นเลยแล้วเดิน เด๋วมันจะลง คืนนึงลุกขึ้น 3-4 ครั้ง ผมนี่ท่องใว้เลยคือ
“ ลงลูก…ลง… ลงลูก..” งดเจอแฟนครับ ไม่มีอะไรมากระตุ้นดีที่สุด 555+ ระวังทุกอย่างช่วงนี้
เป็นแบบนี้ทั้งสัปดาห์ครับ ทำแผลวันละ 1-2 ครั้ง และพยายามปล่อยให้แผลโดนอากาศ จะได้แห้ง‼️
ทั้งหมดเป็นแบบนี้ ตั้งแต่วันที่ 1-7 แต่….
สัปดาห์ที่ 2
วันที่ 8 ที่ผมมีพบนัดคุณหมอนี่สิ ผมดันมีงาน เลยเจอปัญหานั้นคือ …..
แผลปริครับ
สาเหตุเกิดจาก 2 อย่าง
1. ผมไปทำงานและถูกกระแทกที่แผลด้วยอุบัติเหตุ + อากาศที่ร้อนมาก แผลอับมากๆวันนั้น ไม่สบายตัวเลย
2. กลางคืน ผมไม่ได้พันกระชับ ทำให้ตอนเช้ามันขยายตัว ส่งผลให้แผลปริ (ตรงนี้โคตรสำคัญ)
3. ผมน่าจะทำแผลไม่ดี ด้วยอีกส่วนหนึ่ง
ทั้งหมดนี้รวมกัน Mix แอน Match เลยบูม ‼️ หนักเลน ผมเลยถ่ายรูปให้คุณหมอดู ว่า ทำแผลทุกวัน เจ็บทุกวัน เลือดออกด้วย แถมแผลปริตลอด พอส่งรูปไปให้คุณหมอดูเท่านั้นแหละ…
คุณหมอนัดให้เข้าไปเย็บเลยครับ ‼️
ผมก็ถามหมอว่าไม่เย็บได้ไหม ???? คุณหมอก็ตอบว่า “ ได้นะ แต่แผลจะหายช้ามากอีก 3-4 อาทิตย์เลย ผมเลยตัดสินใจไปเย็บ คราวนี้กว่าผมจะนัดเข้าไปตรวจแผลได้ ก็วันที่ 12 เข้าไปแล้ว กลายเปนวันนัดคุณหมอทำแผลได้ วันที่ 14 สรุป คือ..
ครบ 2 อาทิตย์แทนที่จะหาย ต้องไปฉีดยาชาใหม่ เย็บใหม่ครับ งานเข้า‼️
สัปดาห์ที่ 3
เปิดมาคือผม แบกจู๋ที่เจ็บปวดไปพบคุณหมอ เลยตามนัด มาถึงปุ๊บ เหมือนเดิมครับไปนั่งเก้สอี้นวดก่อน ปรากฎ คุณหมอที่ขลิบให้ผมแกไม่ได้เข้าวันนั้น ( เพราะผมนัดด่วนเย็บต่างหาก) แต่มีคุณหมออีกท่านมาแทน เราก็ใจตุ้มๆต่อมๆอีกแล้ว ปรากฎ คุณหมอที่มาฉีดยาชา นี้ดีมากๆ เราก็แจ้งเลยว่าแผลเราเจ็บมากๆเลย คุณหมอก็เบามือและระวังมาก ตอนแกะผ้าพันแผล
แล้วคุณหมอก็ฉีดยาชาให้ เหมือนเดิมครับ เอาใจใส่และเบามือมาก ถามตลอด
“ยังเจ็บไหม”
“รู้สึกรึเปล่า”
“เจ็บนืดนึงนะ”
ผมรู้สึกประทับใจมากที่หมอที่คลีนิคนี้เอาใจใส่ (แถมคุณหมอท่านนี้เปนหมอผู้หญิงด้วย…เขินอีกแล้ว …. ไม่มากเพราะเจ็บแผลจริง)
และ….เหมือนเดิมครับ ไปนั่งเก้าอี้นวดอีก ชม.. ปรากฎ รอบนี้ ชมนีงแล้ว เห้ย ยังเจ็บแผลว่ะ… ใจคอไม่ดี พอคุณหมอเรียกปุ๊บ ผมก็รีบแจ้ง ผุ้ช่วยที่ห้องผ่าตัดเลย ว่าเจ็บและรู้สึกอยู่
ซักพัก ขึ้นเตียงผ่า คุณหมอก็เข้ามา ปรากฎ เปนคุณหมออีกคน อีกแล้ว … โอ๊วว เค้าแบ่งหน้าที่กันดีจริงๆ คุณหมอเข้ามาคุยเลย บอกว่า….
“ยังรู้สึกอยู่ใช่ไหม เจ็บอยู่ตรงไหน …” แล้วคุณหมอลองจิ้มดูตามจุดต่างๆ ปรากฎยังเจ็บและรู้สึกตรงด้านล่าง คุณหมอบอกว่าเด๋วฉีดยาชาตรงนี้เพิ่มนะ เด๋วหมอให้ใช้เข็มเล็ก (เข็มฉีดฟิลเลอร์ ที่ใช้ตรงบริเวณหน้าเลย) แล้วคุณหมอก็ฉีดยาเพิ่มให้ บอกเจ็บนิดนึงๆ เราก็สะดุ้งจริงๆ แต่ไม่เจ็บครับ สรุป ชาสมใจ แล้วคุณหมอก็ทำการแกะแม็ค ทั้งหมดและเย็บแผลให้ ปรากฏว่าบริเวณด้านบน แผลเริ่มประสานแล้ว แต่คุณหมอ เย็บเสริมให้นิดนึง ให้แผลมันสวยๆ และผลลัพธ์ก็ออกมาตามภาพครับ….
คุณหมอย้ำเลย ว่าต้องปฎิบัติตามนี้
1. ห้ามแกะผ้าพันแผล และอย่าให้ผ้าพันแผลเปียกเด็ดขาด ให้อยู่ให้ได้ 2 วัน กลังจากนั้นค่อย เปิดแผลครั้งแรก (2วันหลังเย็บ) ค่อยทำการล้างแผลให้สะอาด พร้อมกับ สอนวิธีการทำแผลให้ผมใหม่ แบบ step by step ผู้ช่วยหมอก็ดีมาก ยอมตอบทุกคำถามแบบละเอียดเลย
2. สำคัญการพันแผล กลางคืน ให้เอาโคแบน พันกระชับหน่อย เพื่อไม่ให้แผลปริเพิ่ม (แต่หมอเย็บแล้วนะ)
3. ถ่ายรูปให้หมอดูทุกวันหลังจากแกะแผลแล้ว
4. อาทิตย์หน้าเจอกัน หมอจะขอดูแผล คีย์ คือ จำใว้ “ ทำยังไงก็ได้ให้แผลแห้ง ไม่อับ แผลจะหายใว”
ตอนทำแผลผมถามคุณหมอว่า แบบนี้ ปรกติไหม ???
ที่มีแผลปริ ที่ต้องเย็บ … คุณหมอว่า ปรกติ เจอประจำแหละ แล้วแต่แต่คนแล้วแต่เคส แต่เหตุการณ์นี้ ไม่ได้ผิดปรกติอะไร คุณหมอรับมือได้ เจอบ่อย ให้รีบมาหาหมอนะดีที่สุด
สรุปเริ่มวันแรกของสัปดาห์ที่ 3 เลย คือฉีดยาชาและเย็บ (เจ็บตัวนิดนึง)
|
ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง
คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน
×
|