|
รีวิวขลิบไร้เลือด และตัดเส้นสองสลึง
ดีคับเพื่อนๆ สมาชิก... วันนี้ว่างเลยถือโอกาสมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้ไปขลิบแบบไร้เลือดมา
หลังจากที่ได้สมัครสมาชิกเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาเพื่อเข้ามาหาข้อมูลเรื่องการขลิบไร้เลือด
ผมก็มีปัญหาเรื่องหนังหุ้มปลายตีบ โดยเริ่มมีอาการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มากเท่าไหร่ มีกิจกรรมได้ตามปกติ แต่ก็จะเจ็บนิดหน่อยพอทนได้
แต่เมื่อครึ่งปีหลังเหมือนอาการเริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาแข็งตัวหนังหุ้มปลายจะปริและเจ็บมาก มีเลือดซึมออกมาด้วยบางครั้ง และเส้นสองสลึงดึงรั้งตรึงมากที่ปลาย
รู้สึกว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่ต้องรีบจัดการ ก็เลยเข้ามาหาข้อมุลในเวปนี้เลย... ต้องบอกเลยว่าอ่านทุกกระทู้ ดูทุกภาพ หาข้อมูล และก็เข้าในห้องแชตเทเลแกรมด้วย 555
และก็ตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องตัดสินใจจัดการให้เสร็จก่อนปีใหม่ละ รวมถึงได้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ของ K.BETAGEN เหมือนได้แรงฮึดตัดสินใจไปทำเลย ต้องขอบคุณมากมากคับ
อาการ - หนังหุ้มปลายเริ่มตีบ ปลายแตก เส้นสองสลึงดึงรั้งตรึงมาก และเจ็บมากเวลาแข็งตัวและมีกิจกรรม
ค่าใช้จ่าย - รวม 8,390 บาท
วันขลิบแบบไร้เลือด + ตัดเส้นสองสลึง 7,870 บาท
ล้างแผลวันแรก 200 บาท
ครบ 14 วันนัดดูแผล ตัดไหม แกะแม็กออก 320 บาท
ผมโทรนัดล่วงหน้ากับทางโรงพยาบาลก่อน 2 วัน พอดีมีคิวว่างเลยนัดคิวเลย มีเวลา 2 วันให้เตรียมใจ
สอบถามเจ้าหน้าที่เรื่องเตรียมตัวก่อนไปพบหมอ แจ้งมาว่าให้งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ 24 ชม. และให้ใส่กางเกงหลวมๆมา
วันขึ้นเขียง (เจ็บแต่จบ)
ไปถึงโรงพยาบาลก่อน 1 ชม. พบคุณหมอ แจ้งอาการที่เป็นคุยรายละเอียดกับคุณหมอเรียบร้อยแล้วสักพักทางเจ้าหน้าที่จะเรียกไปอีกห้องและให้ขึ้นนอนบนเตียงได้เลย
พยาบาลเป็นผู้หญิงล้วน เขินก็เขิน อายก็อาย 555
พยาบาลจะถามว่าได้โกนขนมาก่อนแล้วหรือยัง ของผมยังไม่ได้โกนไป พี่พยาบาลก็ให้ถอดกางเกง แล้วก็จัดการนำอุปกรณ์มาโกนให้เรียบร้อย โล่งเกรียนเลย
ตอนนี้ความรู้สึกยากสุดคือตอนที่ต้องเอาชนะใจตัวเอง สูดหายใจลึกๆ แล้วต้องไม่ลังเล !!!
ในระหว่างนอนรอหมอ ความคิดเริ่มว้าวุ่นนี่มาหาเรื่องเจ็บตัวหรือเปล่าวะเนี่ย คิดไปต่างๆ 555 แต่ใจนึงก็บอกว่าเจ็บครั้งเดียวแล้วจบ จะได้ไม่ต้องมากังวลและมาเจ็บทุกครั้งที่แข็งตัว
พี่พยาบาลเข้ามาเริ่มโดยการฉีดยาชาและทาเจลยาชาที่หัว
เริ่มจิ้มเข็มเหมือนฉีดยาทั่วไปแต่ๆ พอเริ่มวนรอบหลายจุดรวมถึงองศาการฉีดเพื่อเดินยาชาเข้าไป โอ้ว...ตัวเกร็งเลย
แล้วก็นอนรอประมาณ 20 นาที พยาบาลก็จะมาทดสอบว่ายังรู้สึกและเจ็บอยู่อีกมั๊ย
ตอนนั้นบอกเลยว่าไม่รู้สึกอะไรเลย แสดงว่าปริมาณยาชาถึง 555 พี่พยาบาลจับไปทดสอบไปยังไม่รู้สึกว่าโดนจับเลย เหมือนตอนนั้นไม่มีน้องชายอยู่เลย 555
เมื่อหมอเดินเข้ามา ตื่นเต้นสุดๆ โอ้ว...จะเริ่มแล้วสินะ
ตอนนั้นไม่มีความรู้สึกที่น้องชายละ แต่ความรู้สึกที่ใจนี่มันโคตรตื่นเต้นเลย ในใจภาวนาให้หมอทำให้เสร็จเรียบร้อยไม่มีปัญหาและแผลสวยนะหมอ
หลังจากเริ่มทำความสะอาดเรียบร้อย คุณหมอและพยาบาลก็จะเริ่มจัดการขลิบ บอกเลยว่าตอนนั้นไม่มีความรู้สึกเจ็บ รู้สึกว่าคุณหมอมือเบามาก 555 แต่น่าจะเพราะว่ายาชา
คุณหมอเริ่มใช้อุปกรณ์เพื่อทำการขลิบก่อนเลย อุปกรณ์ก็อย่างที่เห็นกันอะครับ เมื่อคุณหมอกดอุปกรณ์เพื่อตัดและแม็กแล้วก็ค้างไว้ประมาณ 5 นาทีได้ เพื่อให้แน่ใจว่าเรียบร้อย
และมาต่อด้วยการตัดเส้นสองสลึงและก็เย็บตรงเส้นสองสลึง (ประมาณ 4 - 5 ปม มานับเองตอนล้างแผล) พอทำเสร็จเรียบร้อยก็ให้นอนสักพักแล้วก็นัดเรื่องการมาล้างแผลและตัดไหมเมื่อครบ 14 วัน
ในระหว่างนี้ห้ามโดนน้ำ แผลจะได้แห้งและหายไวไว
หลังจากออกจากโรงพยาบาล กินพาราแก้ปวด 2 เม็ดไว้เลย รู้แน่นอนว่าถ้ายาชาหมดอาการมาแน่นอน
ระหว่างขับรถกลับบ้าน ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ เริ่มปวดๆ เจ็บๆ ระบมหน่อยๆ พอทนได้ แต่เหงื่อแตก 555
กลับถึงบ้านพยายามเดินให้น้อย ดื่มน้ำแต่พอประมาณ กินข้าวและกินยาพาราแก้ปวดทุก 4 ชม.
คืนแรกก็จะรู้สึกปวดๆ เจ็บๆ ระบมแผล นิดนิด นอนแบบระวังตัวไม่นอนตะแคง หรือนอนคว่ำ ใส่กางเกงหลวมๆ กางเกงบอลผ้าลื่นดีที่สุด
ฉี่แต่ละครั้งก็ต้องระวังเป็นพิเศษ
วันที่ 2 ไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้ไปดูแผลหลังการผ่าตัด ผ้าก๊อตชุ่มไปด้วยปัสสวะต้องระวังให้มากๆ พยาบาล้างแผลและทำแผลให้ด้วย โอ้ว...ตอนลงเบตาดี แสบน้ำตาไหล 555
หลังจากนั้นจ่ายเงินกลับบ้าน หาขวดน้ำเปล่าตัดเหลือแต่ปากขวดไว้ใช้ตอนฉี่เลย กลายเป็นอุปกรณ์หลักตอนเข้าห้องน้ำเลย
ตั้งแต่วันที่ 3 - 14 ล้างแผลเองตลอด เนื่องจากโรงพยาบาลอยู่ไกลเลยไม่สะดวกฝ่ารถติดไปสักเท่าไหร่ 555
เลยจัดอุปกรณ์ล้างแผลเอง
น้ำเกลือล้างแผล 1 ลิตร
ผ้าก๊อต และ สำลี
โคแบน เทปผ้าพันแผล
เบตาดีน
ช่วงวันที่ 3 - 7 (ช่วงจิตตก)
วันที่เริ่มล้างแผลเอง ตอนแกะผ้าก๊อตออกก็จะเห็นแผล พร้อมเลือดซึมๆ แสบๆ เจ็บๆ เหมือนแผลทั่วไป แต่ที่ไม่ได้คือตรงนี้มันคือน้องชาย !!! 555
ล้างแผลในแต่ละวันต้องคอยสังเกตุแผลและแม๊กทุกจุดทุกตัว ว่ามีมีเลือดซึมหรือเปล่า กลัวแผลปริ เพราะว่ามีอาการแข็งตัวช่วงตื่นนอน โอ้ว...บอกได้เลยว่ากลัวแผลปริมากและต้องกลับไปเย็บแผลเพิ่ม
และก็มีแผลปริบ้างจริงๆ ล้างแผล เช็ดแรงไปหน่อย แผลปริ เลือดซึม ก็ล้างแผลให้สะอาดที่สุดด้วยน้ำเกลือล้างแผล และทายาเบตาดีน
เพราะก่อนหน้านี้หาข้อมูลไว้ และเข้ามาอ่านในกระทู้ซ้ำอีกรอบ หาข้อมูลในเวป P เรื่องแผลปริ
ให้พยายามรักษาแผลให้แห้งไว้ อย่าโดนน้ำ ล้างแผลให้สะอาดที่สุดด้วยน้ำเกลือล้างแผล และทายาเบตาดีน
ประมาณ 4 - 5 วันแผลเริ่มแห้งหลายจุด สังเกตุจากผ้าก๊อตไม่มีเลือดซึม ไม่มีน้ำเหลือง ไม่มีหนอง
ประมาณวันที่ 10 - 11 แม๊กเริ่มมีหลุด แต่หลุดขาเดียว อีกขายังเกี่ยวอยู่ โอ้ว....เจ็บฮิบหาย ล้างแผลอย่างระมัดระวัง เหงื่อแตกเลย 555
ประมาณวันที่ 12 แม๊กตัวแรกเริ่มหลุด ติดกับผ้าก๊อตออกมา เริ่มเป็นสัญญาณที่ดี
วันที่ 14 ไปตามที่หมอนัดดูแผล แผลแห้งและรอยแผลดูดี ทั้งตรงที่ตัดเส้นสองสลึงและตรงแม๊ก ทางคุณหมอเลยให้ตัดไหม และถามว่าจะให้เอาแม๊กออกด้วยเลยหรือจะปล่อยให้มันหลุดเอง
ตัดสินใจเลยให้หมอเอาแม๊กออกด้วยเลย เพราะที่ผ่านมาเวลาแม๊กหลุดขาเดียว อีกขายังเกี่ยวอยู่...โคตรเจ็บเลย
พี่พยาบาลเลยจัดการฉีดยาชา อารมย์เหมือนวันแรกที่ขึ้นเขียงเลย...จิ้มเข็มแรกแล้วสะดุ้งเลย ตอนหมุนเข็มเดินยาชานี่ตัวเกร็งน้ำตาไหลเลย 555
หลังจากยาชาออกฤทธิ์ พี่พยาบาลก็ทำการตัดไหม และแงะแม๊กออกทุกตัวออกให้หมอ พร้อมทำแผลและแจ้งให้งดโดนน้ำอีกประมาณ 4 -5 วัน
เพื่อแผลจะได้แห้งไว ให้สังเกตุจากตอนล้างแผลเองไม่มีอาการแสบแล้ว หลังแผลแห้งและหายดีแล้วก็โดนน้ำแล้ว... จะได้กลับมาอาบน้ำตามปกติแล้ว 555
สำหรับใครที่ได้เข้ามาอ่าน เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังตัดสินใจคับ
เอาชนะใจตนเอง เจ็บครั้งเดียวแต่จบ จบปัญหาเรื่องหนังหุ้มปลายตีบ เป็นแผลปริแตก เลือดออก
ดูแลล้างทำความสะอาดง่าย ไม่มีกลิ่น และไม่เป็นที่สะสมของเชื่อโรคต่างๆ ด้วยคับ
อีกประมาณ 2 เดือน ก็จะได้กลับมาทำกิจกรรมเข้าจังหวะได้อีกครั้ง 😎😎😎 |
|